วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

แบบฝึกหัด บทที่ 8


จงพิจารณากรณีศึกษานี้

1) “นาย A ทำการเขียนโปรแกรมขึ้นมาโปรแกรมหนึ่งเพื่อทดลองโจมตีการทำงานของคอมพิวเตอร์
สามารถใช้งานได้ โดยทำการระบุ IP-Address โปรแกรมนี้สร้างขึ้นมาเพื่อทดลองในงานวิจัย นาย Bที่เป็นเพื่อนสนิทของนาย A ได้นำโปรแกรมนี้ไปทดลองใช้แกล้งนางสาว C เมื่อนางสาว C ทราบเข้าก็เลยนำโปรแกรมนี้ไปใช้และส่งต่อให้เพื่อนๆ ที่รู้จักได้ทดลองการกระทำอย่างนี้เป็น ผิดจริยธรรม หรือผิดกฎหมาใดๆ หรือไม่ หากไม่ผิดเพราะเหตุใด และหากผิด ผิดในแง่ไหน จงอธิบาย
 ตอบ  เป็นการกระทำที่ผิด เพราะโปรแกรมนี้ถูกพัฒนามาในการทดลองวิจัยเท่านั้น ไม่ได้มีใช้งานจริง ขณะเดียวกัน คนนำไปใช้คือนาย ซึ่งไม่ได้รับการเห็นชอบของนาย ผู้พัฒนา โดยนำไปแกล้งนางสาวCความผิดนี้ ถือเป็นการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา และการนำโปรแกรมในการทดลองไปใช้จริง ต่อมานางสาวCก็ผิด ที่เผยแพร่โปรแกรมทดลองนี้ต่อไปอีก เป็นการกระจายโปรแกรมผิดๆไปอีก ซึ่งในทางจริยธรรมแล้ว นาย เป็นคนผิดที่เริ่มนำโปรแกรมไปใช้ก่อน นางสาว รู้เท่าไม่ถึงการณ์จึงเผยแพร่โปรแกรมออก นั่นเอง


2) “นาย J ได้ทำการสร้างโฮมเพจ เพื่อบอกว่าโลกแบนโดยมีหลักฐาน อ้างอิงจากตำราต่างๆ อีกทั้ง
รูปประกอบ เป็นการทำเพื่อความสนุกสนาน ไม่ได้ใช้ในการอ้างอิงทางวิชาการใดๆ เด็กชาย K เป็นนักเรียนในระดับประถมปลายที่ทำรายงานส่งครูเป็นการบ้านภาคฤดูร้อนโดยใช้ข้อมูลจากโฮมเพจของนาย J” การกระทำอย่างนี้เป็น ผิดจริยธรรม หรือผิดกฎหมายใดๆ หรือไม่ หากไม่ผิดเพราะเหตุใด และหากผิด ผิดในแง่ไหน จงอธิบาย
ตอบ  ไม่ผิด
    หากต้องทำการ copy รูปภาพหรือข้อความบนเว็บไซต์ของผู้อื่นมาใช้งาน จำเป็นต้องขออนุญาต
เจ้าของเสียก่อน เพราะหากนำมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจะถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์ผิดกฎหมาย หากนำไปใช้เพื่อการค้าอาจถูกฟ้องเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญาได้ อย่างไรก็ตามก็มีข้อยกเว้นสำหรับกรณีเพื่อการศึกษา โดยต้องมีการอ้างอิงและขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์

แบบฝึกหัดบทที่ 7

1.หน้าที่ของไฟร์วอลล์(Firewall)คือ 
ตอบ  เป็นตัวกรองข้อมูลสื่อสารระหว่างเขตที่เชื่อถือต่างกัน เช่น อินเตอร์เน็ต (อาจนับเป็นเขตที่เชื่อถือไม่ได้) และ อินทราเน็ต (เขตที่เชื่อถือได้) โดยการกำหนดกฎและระเบียบมาบังคับใช้โดยเฉพาะเรื่องของการดูแลระบบเครือข่าย ระดับโพรโทคอลของระบบเครือข่าย ความผิดพลาดของการปรับแต่งอาจส่งผลทำให้ไฟล์วอลมีช่องโหว่ อาจนำไปสู่สาเหตุของการโจรกรรมข้อมูลคอมพิวเตอร์ได้

2.จงอธิบายคำศัพท์ต่อไปนี้ ที่เกี่ยวข้องกับไวรัสคอมพิวเตอร์
ตอบ    Spyware เป็นโปรแกรมที่แฝงมาขณะเล่นอินเตอร์เน็ตโดยจะทำการติดตั้งลงไปในเครื่องของ เรา และจะทำการเก็บพฤติกรรมการใช้งานอินเตอร์เน็ตของเรา รวมถึงข้อมูลส่วนตัวหลาย ๆ อย่างได้แก่ ชื่อ - นามสกุล , ที่อยู่ , E-Mail Address และอื่น ๆ ซึ่งอาจจะรวมถึงสิ่งสำคัญต่าง ๆ เช่น Password หรือ หมายเลข บัตรเครดิตของเราด้วย นอกจากนี้อาจจะมีการสำรวจโปรแกรม และไฟล์ต่าง ๆ ในเครื่องเราด้วย นอกจากนี้อาจจะมีการสำรวจโปรแกรม และไฟล์ต่าง ๆ ในเครื่องเราด้วย และ Spyware นี้จะทำการส่งข้อมูลดังกล่าวไปในเครื่องปลายทางที่โปรแกรมได้ระบุเอาไว้ ดังนั้นข้อมูลต่าง ๆ ในเครื่องของท่านอาจไม่เป็นความลับอีกต่อไป

3.ไวรัสคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็นกี่ชนิด อะไรบ้าง 
ตอบ  มี2ชนิด ได้แก่ 
                   1) Application viruses
                   2) System viruses

4.ให้นิสิตอธิบายแนวทางในการป้องกันไวรัวคอมพิวเตอร์มาอย่างน้อย ข้อ
ตอบ  1. อย่าเปิดอ่านอีเมลแปลก ๆ เวลาที่คุณเช็กอีเมล ถ้าเผอิญเจออีเมล์ชื่อแปลก ที่ไม่รู้จักให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่าต้องมีไวรัสแน่นอน แม้ว่าชื่อหัวข้ออีเมลจะดูเป็นมิตรแค่ไหน ก็อย่าเผลอกดเข้าไปเด็ดขาดล่ะ
       2 . ใช้โปรแกรมตรวจจับและกำจัดไวรัส (Anti-virus) ต้องยอมรับว่า ไม่มีโปรแกรมตรวจจับและกำจัดไวรัสโปรแกรมใดสมบูรณ์แบบ จะต้องอัพเดตโปรแกรมที่ใช้ตรวจจับและกำจัดไวรัสอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ครอบ คลุมถึงไวรัสชนิดใหม่ ๆ
        3. อย่าโหลดเกมมากเกินไป เกมคอมพิวเตอร์จากเว็บไซต์ต่าง ๆ อาจมีไวรัสซ่อนอยู่ ไม่ควรโหลดมาเล่นมากเกินไป และควรโหลดจากเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้เท่านั้น บางทีเว็บไซต์จะมีเครื่องหมายบอกว่า "No virus หรือ Anti virus" อยู่แบบนี้ถึงจะไว้ใจได้
        4. สแกนไฟล์ต่าง ๆ ทุกครั้งก่อนดาวน์โหลดไฟล์ทุกประเภท ควรทำการสแกนไฟล์ รวมทั้งข้อมูลจากภายนอกก่อนเข้ามาใช้ในเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น CD, Diskette หรือ Handydrive ต้องใช้โปรแกรมค้นหาไวรัสเสียก่อน
      5.   หมั่นตรวจสอบระบบต่าง ๆ ควรตรวจสอบระบบต่าง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างสม่ำเสมอ เช่น หน่วยความจำ, การติดตั้งโปรแกรมใหม่ ๆ ลงไป, อาการแฮงค์ (Hang) ของเครื่องเกิดจากสาเหตุใด บ่อยครั้งหรือไม่ ซึ่งคุณอาจจะต้องติดตั้งโปรแกรมพวกบริการ (Utilities) ต่าง ๆ เพิ่มเติมในเครื่องด้วย


5.มาตรการด้านจริยธรรมคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการใช้อินเตอร์เน็ตที่เหมาะสมกับสังคมปัจจุบันได้แก่
ตอบ  ปัจจุบัน ภัยคุกคามอันเกิดจากการใช้งานอินเทอร์เน็ตมีมากมาย หนึ่งในภัยจากอินเทอร์เน็ตคือเรื่องเว็บลามกอนาจาร ปัจจุบันมีความพยายามที่จะแก้ไขปราบปรามการเผยแพร่อย่างต่อเนื่อง โดยมีประเด็นนี้คือผู้ใดประสงค์แจกจ่ายแสดง อวดทำ ผลิตแก่ประชาชนหรือทำให้เผยแพร่ซึ่งเอกสาร ภาพระบายสีสิ่งพิมพ์ แถบยันทึกเสียง บันทึกภาพหรือเกี่ยวเนื่องกับสิ่งพิมพ์ดังกล่าว มีโทษจำคุก ปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับโดยจะบังคับใช้กับผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต เซิร์ฟเวอร์ รวมถึงสื่อทุกประเภทอย่างจริงจัง ตัวอย่าง ซอฟต์แวร์เพื่อดูแลการแก้ไขและป้องกันภายทางอินเทอร์เน็ต ได้แก่ เอาส์ คีพเปอร์ (House Keeper)เป็นโปรแกรมสำกรับแก้ปัญหา ภาพลามกอนาจาร เนื้อหาสาระที่ไม่เหมาะสม การใช้เว็บไม่เหมาะสมไม่ควร ” โดยนำไปติดตั้งกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้าน สารวัตรอินเตอร์เน็ตหรือไซเบอร์อินสเปคเตอร์เป็นอีก  หน่วยงานที่สอดส่องภัยอินเทอร์เน็ต สารวัตรอินเทอร์เน็ตร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บล็อกเว็บไซต์ไม่เหมาะสมและเก็บฐานข้อมูลไว้  นโยบายจากกระทรวงไอซีที ด้วยตระหนักในการทวีความรุนแรงของปัญหา จึงเกิดโครงการ ไอซีทีไซเบอร์แคร์ (ICT Cyber Care) โดยต่อยอดจากไอซีทีไซเบอร์คลีน (ICT Cyber Clean)แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ
1) ICT Gate Keeper เฝ้าระวังพิษภัยอินเทอร์เน็ตบนเครือข่ายและวงจรเชื่อมต่อระหว่างประเทศ(Gateway) พัฒนาซอฟต์แวร์นี้โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กระทรวงไอซีที ได้มอบหมายให้บริษัท กสทโทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) ดำเนินการเพื่อเฝ้าระวังปิดกั้นข้อมูบไม่เหมาะสมตั้งแต่ต้นทาง
2) House Keeper ซึ่งจัดทำเป็นแผ่นซีดีรอม และแจกฟรีให้กับผู้ปกครองหรือดาวน์โหลดได้ฟรีจากเว็บไซต์ของกระทรวง โปรแกรมนี้จะมี 3 ส่วน
ส่วนแรก คิดดี้แคร์ ปิดกั้นเว็บไซต์อนาจารและเว็บที่ไม่เหมาะสมที่กระทรวงไอซีที มีข้อมูล
คาดว่าจะช่วยป้องกันได้ในระดับหนึ่ง
ต่อมาเป็นส่วนพีเพิลคลีน ติดไอคอนไวที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้จะคลิกเข้าไปเมื่อพบภาพลามกอนาจาร ประชาชนจึงสามารถเข้ามามีบทบาทช่วยเฝ้าระวังภัยได้เช่นกัน
ส่วนสุดท้าย สมาร์ทเกมเมอร์ (Smart Gamer) แก้ปัญหาการติดแกม และควบคุมการ
เล่นเกมของเด็กๆ ผู้ปกครองจะเป็นผู้กำหนดระยะเวลาของการเล่นเกมและช่วยดูแลเรื่องความรุนแรงของเกม แต่ละส่วนนี้คงต้องมีการปรับปรุงให้ทันสมัยตลอดเวลา
โปรแกรมนี้จะพอช่วยบรรเทาปัญหาและเสริมสร้างความปลอดภัยในการใช้งานบน
อินเทอร์เน็ตจาผองภัย เช่น กลุ่มเว็บโป้ ลามกอนาจาร กลุ่มเว็บกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ กลุ่มเว็บสอนใช้ความรุนแรง ทารุณ สอนเพศศึกษาแบบผิด ๆ ใช้ภาษาหยาบคาย สอนขโมยข้อมูลคอมพิวเตอร์ เป็นต้น 

น้ำตกทีลอซู




        น้ำตกทีลอซู ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ห่างจากที่ทำการเขตฯ 3 กิโลเมตร ทีลอซู เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า น้ำตกดำมีลักษณะเป็นน้ำตกภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 900 เมตร เกิดจากลำห้วยกล้อท้อ ลำน้ำทั้งสายตกลงสู่หน้าผาสูงชัน มีน้ำไหลแรงตลอดปี ความกว้างของตัวน้ำตกประมาณ 500 เมตร ไหลลดหลั่นเป็นชั้น ๆ มีความสูงประมาณ 300 เมตร ล้อมรอบด้วยป่าดงดิบที่สมบูรณ์ เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของเอเชียตามความจริงต้องออกเสียงว่า "ทีลอชู" และเป็นคำนามในภาษากะเหรี่ยงแปลว่า "น้ำตก" ชื่อ "ทีลอซู" เป็นความพยายามแปลความหมายทีละคำ โดย "ที" หรือ "ทิ" แปลว่า "น้ำ" "ลอ" หรือ "ล่อ" แปลว่า "ตก" แต่ "ชู" ไม่มีความหมายใกล้เคียง ดังนั้น จึงมีความพยายามทำให้เป็นคำที่มีความหมาย เนื่องจาก "ซู" แปลว่า "ดำ" จึงนำไปสู่การเรียกว่า "ทีลอซู" และแปลว่า "น้ำตกดำ"ทีลอซู ได้รับคำกล่าวขานถึงว่าเป็นน้ำตกที่สวยงาม และมีความสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูฝน ระหว่าง 1 มิ.ย. - 31 พ.ย. ปริมาณน้ำฝนที่มากจะเพิ่มปริมาณน้ำในลำธารทำให้สายน้ำตกกว้างใหญ่กว่าฤดูอื่น แต่เป็นช่วงที่ทางรถเข้าน้ำตกปิด เพื่อป้องกันอันตรายแก่ผู้ใช้เส้นทางและถนอมสภาพทางไม่ให้เสียหาย นักท่องเที่ยวอาจเลี่ยงใช้เส้นทางนี้ได้ โดยการซื้อทัวร์กับบริษัทนำเที่ยวซึ่งจะเดินทางด้วยเรือยางและเดินป่าอีกราว 12 กม.แต่หากมาท่องเที่ยวช่วงฤดูหนาว - ฤดูร้อนระหว่าง 1 ธ.ค. - 31 พ.ค. ก็สามารถใช้ทางรถยนต์เข้าน้ำตกได้ จึงเป็นช่วงเวลาที่เที่ยวได้สะดวกที่สุด ไม่ว่าจะเที่ยวแบบไปกลับหรือพักค้างแรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้กำหนดให้น้ำตกทีลอซู เป็นหนึ่งในเก้าตะวัน ตามโครงการมหัศจรรย์เมืองไทย 12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน โดยมีจุดเด่นคือ "มหัศจรรย์รุ้งกินน้ำที่น้ำตกทีลอซู"
ประวัติน้ำตกทีลอซู                       
   ทีลอซู ได้รับการค้นพบโดยพรานชาวกะเหรี่ยงคนหนึ่งที่เดินเข้ามาลjาสัตว์ ก่อนที่ ตชด.ได้บินเข้ามาสำรวจในพื้นที่และได้พบน้ำตกทีลอชู ต่อมากรมป่าไม้จะประกาศให้บริเวณนี้เป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง และหลังจากปี พ.ศ. 2528 ที่ อำเภอ ปรีชา อินทวงศ์ พาบุคลากรของนิตยสารท่องเที่ยวแคมปิง เข้าไปสำรวจน้ำตกทีลอซูและนำไปตีพิมพ์ลงนิตยสารจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนภายนอกรู้จัก"ทีลอซู" หรือออกเสียงตามภาษาภาษาปะก่าหญอว่า "ที-หล่อ-ชู" ที แปลว่า น้ำ, หล่อ แปลว่า ไหล และ ชู แปลว่า ทิ้มแทง (หล่อ-ชู เป็น กิริยา หมายถึง การไหลลงมาอย่างแรงของน้ำปะทะกับพื้นเบื้องล่าง) ดังนั้นจึงแปลว่าน้ำตก (บางท่านบอกว่าแปลว่า น้ำตกดำ คำว่า "ดำ" ไม่ได้ออกเสียงว่า ซู แต่ออกเสียงคล้ายๆกัน ไม่รู้จะเขียนเป็นอักษรไทยอย่างไร เพราะเสียงนี้ไม่มีในภาษาไทย ต้องออกเสียงให้ฟังนะครับ ถึงจะแยกความแตกต่างได้) น้ำตกนี้ซ่อนอยู่ในหลืบผาอันกว้างใหญ่ สายน้ำเกิดจากห้วยกล้อทอซึ่งมีแดนกำเนิดอยู่บนดอยผะวี แล้วไหลลงแม่น้ำแม่กลองที่ ตำบล แม่ละมุ้ง อำเภอ อุ้มผางการค้นพบที่กล่าวถึงเป็นการพบของคนไทย จากงานของ ประชา แม่จัน ในหนังสือ "อุ้มผาง เบื้องหลังธรรมชาติ" เขียนถึง บริเวณที่ตั้งแคมป์ทีลอชู เป็นบ้านเก่าชาวปกากะญอ (กะเหรี่ยง) เรียกว่า "ว่าชื่อคี" บริเวณที่จอดรถเป็นที่นาเก่าของชาวบ้านที่นี่ การที่เป็นบ้านร้างเพราะชาวบ้านบางส่วนได้ย้ายไปอยู่บ้านโขะทะเพื่อเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่เหลือย้ายเข้ามาอยู่กับฝ่ายรัฐบาล ดังนั้น ชาวปกากะญอที่นี่รู้จักน้ำตกทีลอชูมาช้านานแล้ว




สิ่งที่น่าสนใจ
           เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทาง 1.5 กม.ก่อนถึงน้ำตกจะผ่านป่าไผ่และป่าเบญจพรรณ มีดอกกระเจียวขึ้นตามพื้นป่าระหว่างทางมีป้ายสื่อความหมายเกี่ยวกับธรรมชาติและพืชพันธุ์ตามจุดต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษา เมื่อถึงบริเวณน้ำตก จะเห็นละอองน้ำฟุ้งกระจายไปทั่วโขดหินเบื้องล่าง มองเห็นธารน้ำตกลงมาจากผาหินปูนซึ่งอยู่สูงประมาณ300ม. ตามแนวกว้างกว่า500 ม. ท่ามกลางป่าครึ้ม อาจแบ่งธารน้ำตกได้เป็นสามกลุ่ม คือกลุ่มด้านซ้ายมือ (เมื่อหันหน้าเข้าหาน้ำตก) เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดสูงที่สุด และเป็นด้านที่สวยที่สุด มีธารน้ำตกหลายสายไหลลดหลั่นลงมาเป็นชั้นเชิง ส่วนกลุ่มตรงกลาง สายน้ำไหลลงมาจากหน้าผาสูงชันใกล้เคียงกบกลุ่มซ้ายมือแต่ไม่เป็นชั้นและแคบ        
                         


ที่มา:http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%8B%E0%B8%B9




39 ความแตกต่างระหว่างชายหญิง



แม้ จะเชื่อกันว่า... พระเจ้าสร้างชายและหญิงให้เกิดมาคู่กัน แต่ก็มีผู้ชายจำนวนมากออกมายอมรับว่า  "บางครั้งผู้หญิงก็ดูน่าเบื่อและไร้เหตุผลจนไม่น่าเข้าใกล้" ในขณะที่ผู้หญิงโต้กลับว่า "บางครั้งผู้ชายก็งี่เง่าและเฮงซวยที่สุด"ปัญหา มันไม่ได้อยู่ที่ว่า ใครดีใครเลว แต่อยู่ที่ความแตกต่างกันในทุก ๆ เรื่องของชายและหญิงต่างหากที่เป็นต้นเหตุของความไม่เข้าใจ  ในเมื่อทั้งชายและหญิงไม่มีวันที่จะเหมือนกันได้ ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดเพื่อการอยู่ร่วมกันได้ย่างมีความสุข นั่นก็คือ... "การทำความเข้าใจจิตใจของแต่ละฝ่ายนั่นเอง"

1. ผู้ชายรู้สึกดีเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นที่ต้องการของคนอื่น ขณะที่ผู้หญิงรู้สึกดีเมื่อรู้ว่าตัวเองน่า   ทะนุถนอม
2. เมื่อเกิดปัญหา ผู้ชายจะเก็บตัวเพื่อคิดหาทางออก ผู้หญิงจะหาใครซักคนที่ไว้ใจ และพร่ำพรรณนาปัญหาให้ฟัง
3. จากสถิติพบว่า ผู้ชายมีอายุสั้นกว่าผู้หญิง เพราะผู้ชายใจร้อนและคึกคะนองมากกว่า
4. ผู้ชายมุ่งความต้องการไปที่ความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่ความสำเร็จของผู้หญิงคือ การมีครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุข
5. เมือทำอะไรซักอย่างไม่ได้ ผู้หญิงจะขอความช่วยเหลือ ในขณะที่ผู้ชายจะไม่พยามยามขอความช่วยเหลือ เพราะคิดว่านั่นคือการแสดงความอ่อนแอของตัวเอง
6. ผู้หญิงมีสมองเล็กกว่าผู้ชาย แต่สมองทั้งสองซีกกลับทำงานสัมพันธ์กันมากกว่าผู้ชาย
7. ผู้ชายจะเจริญเติบโตและก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นได้ช้ากว่าผู้หญิง
8. ผู้ชายถูกกระต้นความต้องการทางเพศโดยสายตา เช่น ดูภาพโป้ ดูหนังโป้ แต่ผู้หญิงถูกกระตุ้นความต้องการทางเพศ โดยการสัมผัสอันนุ่มนวล
9. เมื่อเล่นเกม ๆ หนึ่ง ผู้หญิงต้องการเอาชนะโดยที่อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องแพ้ก็ได้ (การเสมอ) แต่ผู้ชายต้องการเอาชนะ และอีกฝ่ายต้องเป็นผู้แพ้
10. เมื่อผู้ชายตกหลุมรักใครซักคน เค้าจะถูกกระตุ้นให้ทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถ้าจีบผู้หญิงคนนั้นไม่สำเร็จ เค้าจะกลับไปเห็นแก่ตัวเหมือนเดิม
11. ผู้หญิงเมาง่ายกว่าผู้ชาย
12. ผู้ชายจะจดจำเส้นทาง และอ่านแผนที่ได้เก่งกว่าผู้หญิง
13. ผู้หญิงกลัวที่จะเป็นฝ่ายรับ ในขณะที่ผู้ชายกลัวที่จะเป็นฝ่ายให้
14. ผู้หญิงพยายามฆ่าตัวตายมากกว่าผู้ชาย แต่ผู้ชายทำสำเร็จมากกว่าผู้หญิง
15. ผู้หญิงจะเรียนภาษาได้ดีกว่า และมีความสามารถในการสื่อสารทางการพูดมากกว่าผู้ชาย
16. ผู้ชายจะคิดให้ตกซะก่อนจึงค่อยพูดออกมา แต่ผู้หญิงมักจะคิดออกมาเป็นเสียงดังๆให้คนอื่นได้ยินด้วย
17. ผู้หญิงจะไม่ทิ้งเพื่อนหากเพื่อนกำลังมีปัญหา ในขณะที่ผู้ชายจะทิ้งให้เพื่อนแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
18. เมื่อผู้หญิงรู้สึกดี เธอจะสามารถแบ่งปันความรักให้คนอื่นมากมาย แต่เมื่อเธอรู้สึกแย่ สิ่งที่เธอต้องการที่สุดคือความรักจากคนรอบข้าง
19. นิสัยผู้ชายเหมือนหนังสติ๊ก: ในช่วงเวลาที่คบกัน ผู้ชายจะต้องการทั้งความผูกพันใกล้ชิด และความอิสระ  แต่ผู้หญิงจะรู้สึกไม่ดีหากผู้ชายกำลังถอยออกไปหาอิสระ และพยายามดึงเค้ากลับมาซึ่งนั่นยิ่งทำให้เค้าถอยห่างมากขึ้น ทางที่ดีควรอยู่นิ่ง ๆ เมื่อถึงเวลาหนึ่งเค้าจะกลับมาเอง
20. ทั้งที่ผู้ชายและผู้หญิงพูดคำ ๆ เดียวกัน แต่ความหมายของคำ ๆ นั้น กลับไม่เหมือนกัน เช่น เมื่อผู้หญิงพูดว่า "เราเลิกกันเถอะ" แปลว่าฉันต้องการให้คุณเห็นความสำคัญของฉันมากกว่านี้ และ เมื่อผู้ชายพูดว่า "เราเลิกกันเถอะ" แปลว่าผมไม่ขอทนคุณอีกต่อไป เพราะผมเจอคนใหม่แล้ว
21. ผู้ชายรับรู้รสชาติเผ็ดและหวานได้น้อยกว่าผู้หญิง
22. ผู้ชายใช้เวลาในการไปถึงจุดสุดยอดน้อยกว่าผู้หญิง
23. ผู้หญิงมีกลิ่นที่รักแร้แรงกว่าผู้ชาย ดังนั้นโรลออนสำหรับผู้หญิงจึงขายดีกว่าผู้ชาย
24. ผู้หญิงท้องผูกมากกว่าผู้ชาย เพราะระบบทางเดินอาหารของผู้หญิงทำงานได้ช้ากว่า
25. หากผู้หญิงต้องการอะไรจากผู้ชาย ผู้หญิงจำเป็นต้องบอกเพราะผู้ชายมักจะทึกทักเอาว่า "เค้าทำดีแล้ว"
26. ผู้หญิงคิดว่าการแสดงความเป็นห่วง หมายถึง การแสดงความรักแต่ฝ่ายชายกลับรำคาญ และคิดว่า นั่นคือการควบคุม
27. ผู้หญิงติดโรคทางเพศสัมพันธ์ได้ง่ายกว่าผู้ชาย เพราะปากช่องคลอดมีพื้นที่กว้างกว่า ทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปได้มากกว่า
28. ผู้ชายในโลกมี 2 แบบ คือ 1. พวกที่ดื้อรั้นไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองตามใจผู้หญิง กับ 2. พวกเชื่อฟังและยอมเปลี่ยนแปลง แต่ซักพักก็จะกลับไปเหมือนเดิม ฉะนั้นผู้หญิงอย่าพยายามเปลี่ยนแปลงผู้ชายเลย
29. ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ชอบพูดคำว่า "ผมขอโทษ" เพราะมันจะตอกย้ำว่า เค้าได้ทำสิ่งผิดพลาดลงไป และเค้าคือคนผิดจากการกระทำนั้น ถึงแม้ว่าภายในใจเค้าจะรู้สึกตัวว่าผิดก็ตาม เมื่อหญิงและชายแอบชอบกันและกัน เขาและเธอจะ...
30. พยายามทำให้คุณหัวเราะ สนุกสนาน หัวเราะกับทุก ๆ มุขของคุณ
31. พยายามเจ้าชู้กับคุณตลอดเวลา จ้องมองคุณด้วยรอยยิ้ม
32. พยายามโอ้อวดกับคุณว่าเขาเก่ง ชอบถามว่า "คุณชอบใครอยู่"
33. ถ้าคุณขอความช่วยเหลือ เขาจะให้ความช่วยเหลือเสมอ พยายามทำให้คุณหึงเธอ
34. เถียงแทนคุณ ถ้าคุณต้องการมัน ขอให้คุณช่วยเธอทำทุกสิ่ง
35. เป็นมิตรกับคุณและเพื่อน ๆของคุณ เข้ามาหาเราด้วยการเริ่มคุยกับเพื่อนคุณก่อน
36. โทรมาหาคุณ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีเหตุจำเป็นอะไรที่ต้องโทรมา ชอบคุยกับคุณเกี่ยวกับผู้ชายลักษณะต่าง ๆ
37. ทำให้คุณสนุกสนาน ด้วยการทำตัวเป็นตัวตลก กล่าวถึงว่าคุณเป็นคนดีอย่างไร
38. บอกว่าสิ่งที่คุณทำคุณทำได้ดีแล้ว ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่คุณทำนั้นมันแย่มาก เจ้าชู้กับทุกคน ยกเว้นคุณคนเดียว
39. สบตาคุณ แล้วยิ้มให้เสมอ ปรึกษาคุณถ้าเธอมีปัญหา


ที่มา: http://artsmen.net/content/show.php?Category=talkboard&No=2286

วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556

แบบฝึกหัด บทที่ 5


แบบฝึกหัด บทที่ 5 การจัดการสารสนเทศ


1.จงหาความหมายของการจัดการสารสนเทศ
ตอบ การจัดการสารสนเทศ หมายถึง วิธีการที่องค์การต่าง ๆ วางแผน จัดเก็บ จัดระบบ นำมาใช้ ควบคุม เผยแพร่ และกำจัดสารสนเทศ อย่างมีประสิทธิภาพ
        ในทางปฏิบัติ การจัดการสารสนเทศประกอบด้วยการทำงานต่าง ๆ ทั้งแบบอัตโนมัติหรือทำด้วยมือ เช่น
        1. การจัดหมวดหมู่และกำหนดรหัสข้อ
        2. การให้ดัชนีหัวเรื่อง วิชา สาขา
        3. การสร้างและรวบรวมศัพท์เฉพาะที่ใช้
        4. การทำเอกสาประกอบ ทำดัชนีตามชื่อ สถานที่ และเหตุการณ์
        5. การออกแบบโครงสร้างข้อมูลและฐานข้อมูล
        6. การจัดเก็บเอกสาร หนังสือ ทั้งแบบอิเล็กทรอนิกส์และแบบปกติทั่วไป
        7. การจัดเก็บภาพด้วยวิธีต่าง ๆ
        8. การตรวจสอบและทบทวนสารสนเทศที่มีอยู่ รวมทั้งแหล่งที่มา กำจัดสารสนเทศที่ล้าสมัย
การจัดระบบสารสนเทศ จำเป็นต้องมีระบบสารสนเทศ คือเครื่องมือในการจัดการสารสนเทศ ซึ่งประกอบไปด้วย
                1. ระบบคอมพิวเตอร์
                2. โปรแกรมจัดการฐานข้อมูล
                3. โปรแกรมประมวลผลข้อมูล
                4. เครือข่ายคอมพิวเตอร์
                5. บุคลากรที่เกี่ยวข้อง เช่น พนักงานป้อนข้อมูล โปรแกรมเมอร์ นักวิเคราะห์ระบบเป็นต้น
2.การจัดการสารสนเทศมีความสำคัญต่อบุคคลและองค์การอย่างไร
ตอบ  มีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากหากเราสามารถจัดการได้อย่างถูกต้องเป็นระบบระเบียบจะทำให้ใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น สะดวก เช่นเดียวกับองค์การหากมีการจัดการสารสนเทศที่ดีมีประสิทธิภาพก็จะทำให้องค์การนั้นๆทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ราบรื่น สะดวกรวดเร็ว ไม่ขัดข้อง
3.พัฒนาการของการจัดการสารสนเทศแบ่งออกเป็นกี่ยุค อะไรบ้าง
ตอบ  การจัดการสารสนเทศโดยทั่วไป แบ่งอย่างกว้างๆ
ได้เป็น ยุค เป็นการจัดการสารสนเทศด้วยระบบมือ และการจัดการสารสนเทศโดยใช้คอมพิวเตอร์
4.จงยกตัวอย่างการจัดการสารสนเทศที่นิสิตใช้ในชีวิตประจำวัน อย่างน้อย อย่าง
ตอบ 1.การจัดการเงินในการใช้จ่ายซื้ออาหาร ข้าวของเครื่องใช้ในแต่ละวัน
          2.การจัดการแบ่งเวลาในการเรียน การพักผ่อน และทำกิจวัตรประจำวันในแต่ละวัน
          3.การจัดการในเรื่องของควบคุมอาหารเพื่อสุขภาพและออกกำลังกายในแต่ละวัน
          4.การจัดการในเรื่องความสะอาดของห้องพัก ดูแลให้สะอาดเเละเรียบร้อยเพื่อสุขอนามัยในแต่ละวันตามเวลาว่ามีมากหรือน้อย
          5.การจัดการในเรื่องของเสื้อผ้าว่าจะต้องทำความสะอาดและรีด พับ เก็บให้เรียบร้อยเพื่อความสะดวกในการสวมใส่ในแต่วันที่จะต้องทำกิจกรรมแตกต่างกันออกไป

วันเสาร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2556

แบบฝึกหัด บทที่ 2

บทที่ 2
1. ให้นิสิตหารายชื่อเว็บไซต์หรือเทคโนโลยีที่ให้บริการต่างๆ
1.1 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในสาขาการศึกษา 
http://www.studentloan.or.th
http://www.msu.ac.th
http://www.kku.ac.th
1.2 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพธุรกิจ พาณิชย์ และสำนักงาน 
http://www.moc.go.th 
http://www.gpef.or.th
http://www.doae.go.th
1.3 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพการสื่อสารมวลชน 
www.chiangmainews.co.th
www.thairath.com
www.matichon.co.th
1.4 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางอุตสาหกรรม
www.industry.go.th
www.dip.go.th
www.diw.go.th
1.5 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางการแพทย์
http://www.cancer.org
http://www.familydoctor.org
1.6 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทหารตำรวจ 
http://www.glo.or.th/
http://www.rpcafamily.com/
http://www.greatcadettutor.com/
1.7 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพวิศวกรรม
http://www.acat.or.th/
http://www.coe.or.th/
http://www.thaiengineering.com/
1.8 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพด้านเกษตรกรรม
http://www.thaigreenagro.com
http://www.moac.go.th
http://www.doae.go.th
1.9 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับคนพิการต่างๆ
http://www.braille-cet.in.th/Braille-CET/
http://www.tddf.or.th/tddf/
http://lib02.kku.ac.th/dsskku/ 


2. มหาวิทยาลัยมหาสารคามเตรียมเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการศึกษาให้กับท่าน มีอะไรบ้าง บอกมาอย่าง น้อย 3 อย่าง
http://tdc.thailis.or.th/tdc/
http://reg.msu.ac.th
http://www.msu.ac.th

3. ข้อ 2 จงวิเคราะห์ว่าท่านจะเอาเทคโนโลยีเหล่านั้น มาทำให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองอย่างไรบ้าง
- สามารถ Download เอกสารงานวิจัย วิทยานิพนธ์ฟรีจาก http://tdc.thailis.or.th/tdc/
- สามารถลงทะเบียนเรียน ตรวจสอบข้อมูลการศึกษา ได้จาก http://reg.msu.ac.th
- สามารถติดตามข่าวสารจากทางมหาวิทยาลัย และดูรายละเอียดต่างๆในหลักสูตรได้จาก http://www.msu.ac.th

สโตนเฮนจ์ ( Stonehenge )


สโตนเฮนจ์ ( Stonehenge )


 


       สโตนเฮนจ์ (Stonehenge) เป็นกลุ่มแท่งหินขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางทุ่งราบว้างใหญ่ในบริเวณที่เรียกว่า ที่ราบซัลลิสเบอร์รี่ ในบริเวณตอนใต้ของอังกฤษ ประกอบไปด้วยแท่งหินขนาดยักษ์ 112 ก้อน ตั้งเรียงกันเป็นวงกลมซ้อนกัน วง แท่งหินบางอันตั้งขึ้น บางอันอยู่ในแนวนอน และบางอันก็ถูกวางซ้อนขึ้นไปข้างบน
                สโตนเฮนจ์มีชื่อเสียงอย่างมากในฐานะที่เป็นกลุ่มหินประหลาดซึ่งไม่มีใครทราบวัตถุประสงค์ในการสร้างอย่างชัดเจน และเมื่อพิจารณาถึงอายุของมันแล้ว คาดว่ากลุ่มกองหินประหลาดนี้ ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว ทำให้นักวิทยาศาสตร์และนักประวัติศาสตร์ต่างสงสัยว่า คนในสมัยก่อนสามารถยกแท่งหินที่มีน้ำหนักกว่า 30 ตัน ขึ้นไปวางเรียงกันได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ปราศจากเครื่องทุ่นแรงอย่างที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน และที่น่าแปลกไปกว่านั้นคือ ในบริเวณที่ราบดังกล่าว ไม่ใช่บริเวณที่จะมีก้อนหินขนาดมหึมานี้ ดังนั้นจึงสันนิษฐานว่าผู้สร้างต้องทำการชักลากแท่งหินยักษ์ทั้งหมด มาจากที่อื่น ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากบริเวณที่เรียกว่า "ทุ่งมาล์โบโร" ที่อยู่ไกลออกไปประมาณ 40 กิโลเมตรเลยทีเดียว 
       การก่อสร้างสโตนเฮนจจ์นั้นทำสืบเนื่องกันมาถึง 3-4 ระยะในช่วงเวลาประมาณ 1,500 ปี จากยุคหินตอนปลายจนถึงยุคสำริดตอนต้นแต่ส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 1,800-1,400 ปีก่อนคริสต์กาล ซากปรักหักพังที่หลงเหลืออยู่เป็นเพียงเงาของอีตาลอันรุ่นโรจน์ แนวหินกว่าครึ่งได้หักลงบ้าง หายไปบ้าง บางส่วนก็ทับถมกันอยู่ใต้ดิน การก่อสร้างเริ่มขึ้นในราว 2,8000 ปีก่อนคริสต์กาล (ผู้เชี่ยวชาญบางท่านก็ว่าเมื่อ 3,800 ปี) โดยเริ่มจากการขุดร่องวงกลมขนาดใหญ่ 56 หลุมเรียงเป็นวงกลมภายในวงดินนั้น หลุมเหล่านี้เรียกกันว่า หลุมออบรีย์ ตามชื่อจอห์น ออบรีย์ผู้ค้นพบในคริสต์ศตวรรษ 17 ปัจุบันหลุมดังกล่าวลาดทับด้วยปูบซีเมนต์ แต่หินแท่งแรกซึ่งเรียกกันว่าหินฮีล (Heel Stone) ที่ประจำอยู่ปากทางเข้าวงดินยังคงตั้งอยู่ในตำแหน่งเดิม หลุมซึ่งขุดเรียงกันเป็นวงกลมอีกสองวงถัดเข้าไปเรียกกันว่าหลุม และหลุม Z
       วงหลุมทั้งสองนี้คั่นอยู่ระหว่างวงหลุมออบรีย์ที่เป็นวงนอกและวงแท่งหินขนาดมหึมาตรงใจกลางวงดินสันนิษฐานว่าวงหลุม และ อาจมีความสำคัญในเชิงดาราศาสตร์ ในราว 2,100 ปีก่อนคริสต์กาล มีการนำหินสีน้ำเงิน (bluestone) 80 ก้อนจากแคว้นเวลส์มาเรียงเป็นวงกลมสองวงซ้อนกันแต่ต่อมามีการนำแท่งหินทรายขนาดใหญ่ 30 แท่ง ที่เรียว่าหินซาร์เซน(sarsen) มาเรียงเป็นวงกลมวงเดียวแทนที่วงหินสี่น้ำเงิน
          สองวงวงเดิมภายในวงหินทรายมีหมู่ หินเรียงเป็นรูปกึ่ง ๆ รูปเกือกม้าอีกสองหมู่หมู่ที่อยู่ด้านนอกประกอบด้วยหินทรายก่อเป็นรูปไตรลิธอนห้ากลุ่ม(Trilithon คือกลุ่มหินที่ประกอบด้วยหินสามแท่ง สองแท่งตั้งขึ้นคู่กันและแท่งที่สามวางพาดเป็นคานในแนวนอน) ส่วนเกือกม้าด้านในประกอบด้วยหินสีน้ำเงินขัดแต่ง 19แท่งสถาปัตยกรรมนี้เป็นความสำเร็จอันน่าทึ่งเมื่อคิดดูว่าเครื่องมือขุดดินที่ผู้สร้างในยุคหินใหม่ใช้เป็นเพียงเสียมที่ทำจากเขากวางแดงเท่านั้น ชาวแซกซันเป็นผู้ขนาดนามวงหินเหล่านี้ว่า สโตนเฮนจ์ซึ่งเแปลตรงตัวว่า หินที่แขวนอยู่ (Hanging Stone) ส่วนบันทึกจากสมัยกลางตั้งชื่อวงหินนี้อย่างไพเราะว่า กลุ่มยักษ์เริงระบำ (The Giants Dance)
         แม้ว่านักวิชาการส่วนใหญ่จะเห็นพ้องต้องกันว่าสโตนเฮนจ์เป็นสิ่งก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องลึกลับ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วมันมีไว้เพื่ออะไร มีการเสนอความคิดเห็นต่าง ๆ นานา เช่น อินิโก โจนส์ สถาปนิกในคริสต์ศตวรรษที่ 17 เชื่อว่าสโตนเฮนจ์เป็นซากปรักหักพังของวิหารโรมัน แต่คนในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ 19ยืนยันว่าเป็นวิหารซึ่งพวกลัทธิดรูอิดใช้ประกอบพิธีบูชาพระอาทิตย์และบูชายัญมนุษย์ ความคิดนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ เราะสโตนเฮนจ์นั้นสร้างเสร็จอย่างน้อย 1,000 ปีก่อนลัทธิดังกล่าวจะเฟื่องฟู กระทั่งเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 20 นี้เองที่เราเริ่มได้ข้อเท็จจริงบ้าง นักโบราณคดี สามารถคำนวณหาอายุ และสรุปเกี่ยวกับจุดประสงค์ในการก่อสร้างสโตนเฮนจ์ได้อย่างสมเหตุสมผลยิ่งขึ้น แต่ข้อมูลซึ่งเป็นข้อเท็จจริงก็ยังนับว่าน้อยอยู่มาก หินซาร์เซนที่เรียงเป็นวงด้านนอกแต่ละก้อนสูง ม และหนักประมาณ26 ตัน หินเหล่านี้ชักลากมาจากทุ่งโล่งมาร์ลโบโร ดาวน์ส (Marlborough Downs)ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 32 กม. แล้วนำมาขัดแต่งและประดิษฐ์ให้มีสลักและเดือยอย่างดี ทำหใแท่งหินคู่ที่ตั้งและคานหินที่ใช้พาดเกาะเกี่ยวกันอย่างมั่นคง ส่วนหินสีน้ำเงินก้อนใหญ่ที่สุดซึ่งหนักถึงสี่ตันนำมาจากภูเขาพรีเซลีทางตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้นเวลส์นั้น สันนิษฐานว่าใช้แพลำเลียงล่องมาตามชายฝั่งเวลส์และแม่น้ำเอวอน แล้วชักลากต่อมาทางบก นักโบราณคดีส่วนใหญ่เชื่อว่า สโตนเฮนจ์เป็นสถานที่ประกอบพิธีฝั่งศพ โดยพิจารณาจากหลักฐานว่านอกเหนือจากสโตนเฮนจ์แล้ว มีการสร้างสุสานมูนดินในหลุมออบรีย์หลายหลุม แต่ก็มีหลักฐานหักล้างว่าหลุมดังกล่าวขุดขึ้นนานก่อนที่จะมีการเผาศพในบริเวณนี้ บ้างก็สันนิษฐานว่าหลุมออบรีย์อาจใช้เป็นส่วนหนึ่งใน พิธีไหว้ด้วยสุรา เช่น ชาวนาอาจเทเหล้าองุ่นลงในหลุมเพื่อบวงสรวงเทพเจ้าเปห่งธรรมชาติทั้งหลาย
       วงหินสโตนเฮนจ์ก็อาจจะเป็นวิหารสำหรับทำพิธีบวงสรวงดังกล่าว ไม่นานมานี้ มีนักดาราศาสตร์คนหนึ่งได้อ้างว่าสามารถถอดรหัสแนวหินได้เขาเสนอว่าสโตนเฮนจจ์ คือ เครื่องคำนวญยุคก่อนประวัติศาสตร์ซึ่งใช้เป็นปฏิทินดาราศาสตร์และโหราศาสตร์ เพราะแนวของหินกลุ่มก้องต่าง ๆ ล้วนมีความสัมพันธ์กับแนวการเคลื่อนของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวพระเคราะห์ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทฤษฏีทั้งหลายในปัจจจุบันจะมีตัวเลขและสถิติสนับเสนุนว่าเป็นจริง แต่ก็ยังไม่มีแนวคิดใดไขปริศนาลึกลับแห่งออีตของสโตนเฮนจ์ได้อย่างสมบูรณ์



ที่มาhttp://www.tumnandd.com

เมดูซ่า (Medusa)


เมดูซ่า (Medusa)




                เมดูซ่า เป็นชื่อที่ทำให้นึกถึงนางมารร้ายที่มีผมเป็นงู แต่คำว่า เมดูซ่า – Medusa เป็นคำที่มีมานานมากแล้วที่ยังคงเป็นรากศัพท์ไว้ในหลายๆ ภาษาโบราณ เช่น ในภาษาสันสกฤต คือ เมธา ในภาษากรีก คือ Metis และในภาษาอียิปต์โบราณ คือคำว่า Met หรือ Maat มีแหล่งกำเนิดจากตำนานของประเทศลิเบีย ที่นำเข้ามารวมในตำนานกรีกทีหลัง เป็นที่นับถือของชาวลิเบียโบราณว่าเป็น เทพแห่งงู หรือเจ้าป่าเจ้าเขาผู้มีอำนาจดุร้าย  ในยุโรปสมัยโบราณ ยุคหิน งู ยังไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย ซึ่งเป็นทัศนคติตามคริสตศาสนาที่เกิดขึ้นมาภายหลัง หากเป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจเหนือธรรมชาติ และก็อาจเป็นไปได้ที่ว่าเมดูซ่าเจ้าแม่ผู้ทรงพลังจากสังคมโบราณ เป็นเค้าเงื่อนที่ชาวอินเดียนำไปผูกเป็น เจ้าแม่ทุรคา หรือ กาลี ก็ได้ เมดูซ่านั้นแต่เดิมทีหลายพันหลายหมื่นปีมาแล้วก็คงเป็นเจ้าป่า เจ้าเขาที่มีอำนาจ มีผมขอดหยิกหยักถักเป็นเปียเล็กๆ ทั่วทั้งหัวแบบชาวอัฟริกัน (แบบที่เรียกว่า dreadlocks) ที่ดูคล้ายงูในสังคมดึกดำบรรพ์ ที่ยังนับถือยกย่องให้ผู้หญิงเป็นใหญ่ ภายหลังที่สังคมกรีกกลายมาให้ผู้ชายเป็นใหญ่ ภาพพจน์ของเมดูซ่าก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป เนื่องจากเทพบุรุษเข้ามาแทนที่เทพสตรีในสังคมกรีก
                ในช่วงพันปีแรกของอาณาจักรกรีก จนมาถึงประมาณ 600 ปีก่อนคริสตศตวรรษ วิหารบูชา เมดูซ่าก็ถูกทำลายลงไปไม่เหลือซาก ชาวกรีกคงเอามาผูกเป็นตำนานให้เป็นนางมารร้ายไปในภายหลัง ชื่อของเธอก็กลายไปเป็นเพียงตำนานแห่งความพ่ายแพ้ที่ถูกฆ่าโดย เพอร์ซีอุส แล้วชาวกรีกก็ถ่ายทอดพลังอำนาจของเมดูซ่ามาให้เทพีอาเธน่าผู้เป็นเทพสตรีตัวอย่างของสังคม ที่ชาวกรีกต้องการใช้เป็นแบบอย่าง คือรักษาพรหมจรรย์และรับใช้ครอบครัว ยึดมั่นในความซื่อสัตย์จงรักภักดีและเทิดทูนเทพปริณายกซูสพระบิดาเหนือตนเอง
                ตามตำนานกรีกนั้นเมทิส แม่ของเมดูซ่าและพี่น้องอีกสองสาว ทั้งเมดูซ่าและพี่สาวแต่เดิมนั้นเป็นสาวงามมาก ต่อมาเมทิสแม่ของนางถูกเทพเทพปริณายกซูสข่มขืนแล้วกลืนลงท้องไป เมทิสเป็นเจ้าแห่งปัญญา และสามารถแปลงร่างต่างๆ ได้ ซูสจึงอาศัยพลังปัญญาและเวทย์มนต์ของเมทิสมาเพิ่มอำนาจให้ตัวเอง ช่วยให้ซูสมีอำนาจยิ่งใหญ่กว่าเทพทั้งปวง และยังสามารถแปลงร่างได้ดังใจนึก ไปเอาสตรีมากมายเป็นภรรยาได้ในภายหลัง พลังของเมทิสสำลักออกทางหน้าผากของซูส กลายเป็นเทพธิดาอาเธน่า ผู้ได้รับมรดกทางปัญญาจากเมทิสผู้เป็นแม่

                ตั้งแต่เกิดมาอาเธน่าก็ถือเมดูซ่าเป็นศัตรูคู่แค้นที่จักต้องพิฆาตให้ดับสิ้น เพราะในบรรดาพี่น้อง มีแต่เมดูซ่าผู้เดียวที่เป็นมนุษย์ พี่สาวชาวกอร์กอนทั้งสองร่วมท้องแม่ของเธอมีสถานะเป็นเทพจึงฆ่าไม่ตาย อาเธน่าจึงหันมาหาทางทำลายเมดูซ่าแต่ผู้เดียว ในบรรดาลูกแม่เดียวกันทั้งหมด
วันหนึ่งในวิหารอาเธน่าที่ชาวกรีกสร้างไว้บูชาสักการะแต่ละเทพเป็นวิหารๆ ไป เทพีอาเธน่า เป็นเทพอุปถัมภ์ของสาวพรหมจารีที่สตรีพรหมจรรย์ชาวมนุษย์มักไปบูชา สาวงามเมดูซ่าที่มีชายมากหลายหมายปองก็ไปบูชาเทพีอาเธน่ายังวิหารตามปกติ เทพโปเซดอนได้ประจักษ์เห็นความงามของนางแล้วก็ต้องการครอบครองโดยใช้กำลังขืนใจ อาเธน่าจึงได้โอกาสใส่ความว่า เมดูซ่าบังอาจลบหลู่นางด้วยการสู่สมในวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ แล้วฉวยโอกาสสาบเมดูซ่าให้กลายเป็นมารร้ายน่าเกลียดน่ากลัว และสาปให้ผมอันสวยงามลือชื่อของนางกลายเป็นงูเต็มหัว จากสาวงามเลื่องชื่อ ต้องมากลายเป็นมารร้ายที่น่าชิงชัง ขยะแขยงจนใครที่ได้เห็นจะต้องกลายเป็นหินไป เมดูซ่าทั้งชอกช้ำ ทั้งอับอาย ก็แปรความเจ็บช้ำที่ได้รับให้กลายเป็นความเคียดแค้นชิงชัง ต้องการทำร้ายหมายมาดทุกชีวิตที่ขวางหน้าโดยทำให้กลายเป็นหินไปจากการมองหน้าของนาง เป็นการตอบโต้ความอยุติธรรมที่ทำให้นางต้องรับชะตากรรมอันโหดร้ายเมดูซ่าจึงกลายเป็นมารร้าย ผู้เป็นที่กล่าวขวัญถึงมากที่สุดในตำนานกรีก มีทั้งภาพสลัก รูปปั้นต่างๆ ของเมดูซ่าตามวิหารต่างๆ มากมาย

                ผู้ที่ฆ่าเมดูซ่าได้คือ เปอร์ซีอุส เมื่อเปอร์ซีอุสตกหลุมรักโพลีเดคเทสก็ต้องออกล่าหาเมดูซ่า เพื่อตัดหัวมาตามสัญญาที่ให้ไว้กับเทพอาเธน่า ซึ่งรอคอยหาคนมากำจัดเมดูซ่าให้อยู่นานแล้ว เพราะความเป็นเทพของนางทำให้ไม่สามารถไปแสดงอำนาจพาลได้ถนัด ยังต้องอาศัยเหตุผลข้ออ้าง และน้ำมือคนอื่นไปกำจัดศัตรูให้ กี่คนมาแล้วที่ต้องการไต่เต้าสร้างวีรกรรมที่ได้กลายเป็นหินไปหมด  ทันทีที่เปอร์ซีอุสมาเข้าทางตน เทวีอาเธน่าก็กุลีกุจอปรากฏตัวขึ้นทันทีเพื่อช่วยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามแผนกำจัดเมดูซ่าของนางโดยราบรื่น เจ้าแม่จึงช่วยบอกทางให้เปอร์ซีอุสไปยังซามอส อันเป็นที่พำนักของนางกอร์กอนสามพี่น้อง เทพีอาเธน่าก็ได้ประทานโล่ที่เป็นเงามันวับเหมือนกระจก แล้วช่วยให้ภาพปรากฏของนางมารทั้งสาม เพื่อเปอร์ซีอุสจะได้เห็นว่าหน้าตาเป็นอย่างไร และเตือนไม่ให้มองหน้าเมดูซ่าตรงๆ เพราะจะทำให้กลายเป็นหินไปเสียก่อน
                จากนั้นเทวีอาเธน่าก็ให้อนุชาคือเทพเฮอร์มีส (ที่ชาวโรมันเรียกว่าเมอร์คิวรี่นั่นเอง) ซึ่งก็เป็นเทพบุตรของ ซูสอีกผู้หนึ่ง ไปนำดาบโค้งของโครนัสมาให้เปอร์ซีอุสเพื่อใช้ฆ่าเมดูซ่า เพื่อให้เป็นหลักประกันว่าเปอร์ซีอุสจะปฏิบัติการได้สำเร็จ ก็ต้องอาศัยของวิเศษอื่นๆ อีก เจ้าแม่จึงช่วยบอกอุบายรายละเอียด และชี้ทางให้เปอร์ซีอุสไปหานางแม่มดสามพี่น้องแห่งเกรยี ผู้เป็นแม่เฒ่ามาตั้งแต่เกิด นางทั้งสามมีตาเพียงดวงเดียว และมีฟันเพียงซี่เดียว ต้องแบ่งกันใช้ แต่ก็ทะเลาะเบาะแว้งแย่งตาแย่งฟันกันมาชั่วชีวิต เปอร์ซีอุสจึงอาศัยความชุลมุนจากการแก่งแย่งนั้น เข้าไปขโมยดวงตาและฟันพวกแม่มดเกรยีมา เพื่อบังคับให้นางทั้งสามบอกทางไปหานางนิ้มฟ์ผู้ใจดีแห่งอุตรทิศ แล้วจึงจะคืนตาและฟันให้ เมื่อเปอร์ซีอุสรู้ทางแล้วก็ไปหานางนิมฟ์ผู้ใจดี ผู้ให้ยืมรองเท้ามีปีกที่ทำให้เหาะได้ หมวกวิเศษที่ทำผให้ล่องหนได้ และกระเป๋าวิเศษเพื่อไว้ใส่หัวเมดูซ่า เมื่อได้ของวิเศษต่างๆ แล้ว เพอร์ซีอุส ก็เข้าไปยังถ้ำของนางมารกอร์กอนสามพี่น้อง เมื่อไปถึงก็พบว่าเมดูซ่ากำลังนอนหลับกับพี่สาวทั้งสอง เปอร์ซีอุสก็ได้เทวีอาเธน่าที่ตามมาช่วยอยู่ตลอดเวลา ช่วยถือโล่ให้จากภาพเงาของเมดูซ่าในโล่มันวับ เปอร์ซีอุสก็ตัดหัวเมดูซ่าขาดแล้วเก็บใส่ถุงวิเศษทันที เลือดไหลนองออกจากคอของเมดูซ่า ก่อกำเนิดเกิดออกมาเป็นม้ามีปีก เปกาซัส แล้วเมดูซ่าก็จบสิ้นความระทมทุกข์ทรมานจากชีวิตอันโหดร้ายของเธอ ส่งผลให้เพอร์ซีอุสกลายเป็นวีรบุรุษอมตะผู้ปราบมารของชาวกรีกไป